………..
บุคคลผู้ประกอบด้วยคุณธรรมสูงส่ง
มิได้รู้ว่าตนเองมีคุณธรรม
ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้มีคุณธรรม
บุคคลผู้ประกอบด้วยคุณธรรมเพียงเล็กน้อย
พยายามดิ้นรนรักษาคุณธรรมของตนเอาไว้
กลับต้องสูญเสียมันไป
ผู้สูงส่งด้วยคุณธรรมดูคล้ายกับเฉื่อยชา
แม้กระนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็สำเร็จเรียบร้อยลง
ผู้ต่ำต้อยด้วยคุณธรรมทำแล้วทำเล่า
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่สำเร็จผล…..*
เจ้าดอกดวงพวงผกางามน่าหลง
บุปผาดงคงคู่หมู่พฤกษา
เจ้างามงดหมดถ้อยคำจำนรรจา
เป็นดอกหญ้าคาดิน…คู่ถิ่นไพร
เหมือนน้ำเย็นหลั่งรินชุ่มจินต์ข้า
งามท้องทุ่งงามฝูงควายคลายทรมา
งามบุปผายาใจคนไร้แรง.
แต่ถูกกดทับด้วยความทุกข์นับพันปี
ยังไม่ทันที่จะเยียวยาความป่วยไข้ของตน
ก็ต้องแบกภาระหนักของลูกหลาน
ก้มลงดูต้นข้าวในนางอกงาม
แหงนมองดูผลหม่อนเติบโต
เมื่อภาระหนักนี้ได้จมหายไปก้นทะเลลึก
เมื่อนั้นจึงจะได้พักผ่อนสงบสักชั่วครู่
( ขุนเขายะเยือก บท ๙ ของกวีนักพรต ฮั่นชาน พจนา จันทรสันติ ถอดความ )
ผู้มีเมตายิ่งนั้นกระทำโดยปราศจากการกระตุ้นเตือน
ผู้มีความยุติธรรมยิ่งนั้นกระทำโดยการกระตุ้นเตือน
ผู้ยึดถือประเพณีอันเคร่งครัดกระทำโดยการกระตุ้นเตือน
ผู้ยึดถือประเพณีอันเคร่งครัดกระทำลงไป
เมื่อมิได้รับการตอบสนองจากผู้ใด
ก็หันมาใช้วิธีการบังคับ
เนิ่นนานต่อมาผู้คนจึงค่อยๆเชื่อถือตามอย่างประเพณี….
ดังนั้นเมื่อเต๋าสาบสูญไป
คุณธรรมก็เข้ามาแทนที่
เมื่อคุณธรรมสูญหายไป
ความเมตตาก็เข้ามาแทนที่
เมื่อความเมตตาสูญหายไป
ความยุติธรรมก็เข้ามาแทนที่
เมื่อความยุติธรรมสูญหายไป
ประเพณีก็เข้ามาแทนที่….
……ประเพณีนั้นคือความภักดีและความซื่อสัตย์
ที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในดวงใจ
และเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย
ความหยั่งรู้อย่างกระท่อนกระแท่น
เป็นเพียงภาพลวงของเต๋า
และเป็นจุดเริ่มต้นของความงมงาย…..
…….ดังนั้นมหาบุรุษย่อมธารงความหนักแน่นไว้
มิกล้าเลินเล่อประมาท
อยู่ในความจริงละทิ้งสิ่งมายา
ท่านปฏิเสธสิ่งหลังและยอมรับในสิ่งแรก.
( วิถีแห่งเต๋า บทที่ 38 …เมื่อเต๋าสูญหายไป จาก วิถีแห่งเต๋า
ของปราญ์ เหลาจื๊อ พจนา จันทรสันติ แปลและเรียบเรียง )
ด้วยสำนึกรักถิ่นเกิดเลอเลิศสุด
จึงคุ้ยขุดบทเพลงบรรเลงขาน
กับภาพเถื่อนเหมือนคนถ่ายไม่ได้การ
ลูกอิสานจึงข้องขัดจัดไม่เต็ม.